ศาสตร์และศิลป์ในการโน้มน้าวใจ
การโน้มน้าวจูงใจ ดียิ่งกว่าการบังคับใจ ถือเป็นการให้เกียรติคนที่เราจะทำงานด้วย ให้เขาทำงานให้เราด้วยความเต็มใจ ผลที่ได้ คือ ความทุ่มเทอย่างสุดใจที่เขามีให้กับสิ่งที่ทำ
ไม่ว่าอยู่ในบริบทใดองค์กร “การสื่อสารกับผู้อื่นเป็นสิ่งจำเป็น” เพราะมนุษย์ต้องปฏิสัมพันธ์กัน งานจำนวนมากทำคนเดียวไม่ได้ บางงานต้องทำแบบเชิงรุก เข้าหาคน บางงานซับซ้อน ต้องใช้คนเป็นตัวขับเคลื่อนงาน ในขณะเดียวกัน มนุษญ์ก็ไม่ใช่เครื่องจักรที่จะสามารถกดปุุ่มสั่งงานแล้วจะทำงานได้ การจะใช้งานมนุษย์จึงต้องอาศัยการสื่อสารที่ดี มีศาสตร์และศิลป์ในการโน้มน้าวใจ เพื่อให้มนุษญ์ร่วมมือร่วมใจได้อย่างเกิดผล หัวหน้างานจึงต้องมีทักษะในการโน้มน้าวใจอยู่เสมอ ไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทใดก็ตาม อาทิ งานการขาย การตลาด ประชาสัมพันธ์ การระดมทุน การเชิญชวนผู้ลงทุน การสอนหนังสือ การบริหารทีม การสร้างความร่วมมือ ลดความขัดแย้ง การเจรจาหาคู่ค้า การระดมทุน การแปรเปลี่ยนขั้วตรงข้ามให้กลายเป็นพันธมิตร และอื่นๆ
การนำและบริหารยามวิกฤติ
วิกฤติเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นโดยที่ไม่มีใครคาดคิด แต่ถึงกระนั้นก็นับว่า วิกฤติเป็นเรื่องปกติที่มนุษย์ทุกคนต้องเจอ เป็นระยะๆ ฉะนั้นการทดสอบที่ดีที่สุด ไม่ใช่ในสถานการณ์ปกติ วิกฤติเป็นสิ่งที่ทดสอบผู้นำและผู้บริหารที่แท้จริง เพราะเป็นสถานการณ์ที่หนักหน่วง จะอยู่เฉยๆ โดยปล่อยให้สถานการณ์คลี่คลายไปเองก็ไม่ได้ เพราะวิกฤติที่มาพร้อมกับความไม่ปรกตินั้นจะสร้างความเดือดร้อน เสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินที่ตามมาอย่างร้ายแรง การตอบสนองต่อวิกฤติ จึงมีเงื่อนไขสำคัญตรงที่ว่า เราจะฝ่าวิกฤติออกมาได้ในสภาพเช่นไร
หลักสูตรอบรม การนำและบริหารยามวิกฤติ นี้ เกิดจากการมองเห็นภาวะการนำ การบริหาร และ ภาวะคุณธรรมของผู้นำ ที่มีความจำเป็นและมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการแก้วิกฤติ เริ่มตั้งแต่ การกันวิกฤติ การแก้วิกฤติ และ การกู้วิกฤติ ลงลึกรายละเอียดในทุกแง่มุม เพื่อให้”วิกฤติ” ที่เกิดขึ้นนี้ เป็น “โอกาส” ของผู้นำ ไม่เพียงการพิสูจน์ฝีมือในการนำและการบริหาร แต่พิสูจน์ตัวตนความ ดี เก่ง กล้า ของผู้นำที่แท้จริง อันจะส่งผลให้ ไม่เพียงป้องกัน และแก้ปัญหาวิกฤติที่เผชิญอยู่ แต่ยังพร้อมรับมือภาวะวิกฤติใดๆ ก็ตามที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้เสมอ